เปลี่ยนการแสดงผล

โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา

โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา

 

การให้สิทธิ GSP

สหรัฐอเมริกาได้เริ่มโครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) แก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด รวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิฯ GSP สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ

ระยะเวลาของโครงการ

การให้สิทธิ GSP ของสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 3 โครงการ ดังนี้         
โครงการที่ 1 : วันที่ 1 มกราคม 2519 – วันที่ 3 มกราคม 2528
โครงการที่ 2 : วันที่ 4 มกราคม 2528 – วันที่ 30 กรกฎาคม 2538
โครงการที่ 3 : วันที่ 31 กรกฎาคม 2538 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2540 (ครั้งที่ 1)  ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ต่ออายุโครงการที่ 3 มาแล้วทั้งหมด 10 ครั้ง โดยต่ออายุโครงการฯ ครั้งที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2563 (ครั้งที่ 10)
สถานะล่าสุด : ขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างดำเนินขั้นตอนเพื่อต่ออายุโครงการฯ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP จะต้องชำระภาษีในอัตรา MFN ปกติ อย่างไรก็ตาม ในการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ ผู้นำเข้าจะต้องกรอก Special program indicator (SPI) for GSP (A) เมื่อนำเข้าสินค้าเข้าสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถรับคืนภาษี หากสหรัฐฯ ประกาศต่ออายุโครงการฯ และให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่โครงการสิ้นสุดอายุ

ขอบเขตของสินค้าภายใต้สิทธิ GSP

สหรัฐฯ ให้สิทธิฯ GSP กับสินค้าประมาณ 3,500 รายการที่ปกติจะต้องชำระภาษีนำเข้าในอัตราปกติ (MFN rate) ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร สินค้าประมง รวมถึงสินค้าที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตขั้นแรกของอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมีประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาน้อยที่สุดที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 119 ประเทศ (อินเดียและตุรกีโดนตัดสิทธิ GSP เมื่อปี 2562)

คุณสมบัติของประเทศที่อยู่ในข่ายได้รับสิทธิ GSP

(1) ระดับการพัฒนาประเทศ -  โดยพิจารณาจากปัจจัยด้าน GNI per capita ของ World Bank โดย ปี 2562 กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 12,535 เหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2563) ระดับคุณภาพชีวิตของประชากร รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ เป็นต้น 
(2) การเปิดตลาดสินค้าและบริการ - ต้องมีการเปิดตลาดสินค้าและบริการอย่างสมเหตุผล
(3) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา - ต้องมีระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
(4) การคุ้มครองสิทธิแรงงาน: ต้องมีการคุ้มครองสิทธิแรงงานในระดับที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล  
(5) การกำหนดนโยบายลงทุนที่ชัดเจน และลดข้อจำกัดทางการค้า
(6) ให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ในการต่อต้านการก่อการร้าย

สินค้าที่มีคุณสมบัติอยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิ GSP

(1) ต้องเป็นสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ
(2) ต้องเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ
(3) ต้องเป็นสินค้าที่นำเข้าโดยตรงจากประเทศประเทศผู้รับสิทธิ
(4) สินค้าดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) ที่สหรัฐฯ กำหนด
(5) ผู้นำเข้าต้องแสดงความจำนงในการนำเข้าภายใต้โครงการ GSP ต่อศุลกากรสหรัฐฯ เพื่อขอรับการยกเว้นภาษีนำเข้า

กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin)

(1) สินค้านั้นจะต้องผลิตขึ้นโดยใช้วัตถุดิบในประเทศผู้รับสิทธิทั้งหมด (Wholly product) หรือกรณีที่มีวัตถุดิบหรือส่วนประกอบนำเข้าจากต่างประเทศ (Non-wholly product) สินค้านั้นจะต้องได้รับการแปรสภาพในประเทศกำลังพัฒนานั้นอย่างเพียงพอจนกลายเป็นสินค้าที่แตกต่างจากสภาพเดิม โดยนำวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศรวมกับต้นทุนการผลิตทางตรงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 35 ของราคาสินค้าหน้าโรงงาน (Ex-factory price) หรือราคาประเมิน (Appraised value) ของสินค้านั้นในสหรัฐฯ
สูตรคำนวณ มูลค่าวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ + ต้นทุนการผลิตทางตรง ≥ ร้อยละ 35
                               ราคาสินค้าหน้าโรงงาน หรือราคาประเมิน
(2) สินค้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สามารถผลิตโดยใช้กฎถิ่นกำเนิดแบบสะสม (Cumulative rules of origin) โดยสามารถนำวัตถุดิบที่มีถิ่นกำเนิดจากอีกประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP มาสะสม โดยให้ถือเสมือนว่าเป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเดียวกัน ทั้งนี้ ประเทศผู้ผลิตและประเทศเจ้าของวัตถุดิบจะต้องเป็นภาคีสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเดียวกันและเป็นประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ  ซึ่งในกรณีของไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน จึงสามารถใช้วัตถุดิบร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับสิทธิ GSP ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา โดยวัตถุดิบที่นำเข้าภายใต้กฎถิ่นกำเนิดแบบสะสมจะต้องมีอัตราส่วนต้นทุนในประเทศภาคีสมาชิกไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ของราคาสินค้าหน้าโรงงานหรือราคาประเมินของสินค้านั้น 

มาตรการระงับสิทธิ GSP

ระบบ GSP สหรัฐฯ แบ่งการระงับสิทธิ GSP เป็น 2 ประเภท คือ
 (1) การระงับสิทธิ GSP รายสินค้า (Product review) - ใช้กฎว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน (Competitive Need Limit: CNLs) เป็นเกณฑ์
 (2) การระงับสิทธิ GSP รายประเทศ (Country practice review) - พิจารณาจากเงื่อนไขคุณสมบัติการได้รับสิทธิ

เกณฑ์การระงับสิทธิ GSP

(รายสินค้า)

สินค้าจากประเทศผู้รับสิทธิฯ GSP จะถูกระงับสิทธิฯ เป็นการชั่วคราวเมื่อการนำเข้าสหรัฐฯ สูงเกินเพดานที่กำหนดภายใต้กฎว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน (CNLs) กล่าวคือ สินค้าของประเทศใดจะถูกระงับสิทธิฯ GSP หากปรากฏว่ามูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ในปีปฏิทินที่ผ่านมาสูงเกินเพดานที่กำหนดไว้ คือ 
         -มีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป หรือ
         -มีมูลค่านำเข้าสหรัฐฯ เกินมูลค่าขั้นสูงที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี (ในปี 2563 = 195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยให้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
         ทั้งนี้  หากมีการนำเข้าสินค้าเกินเกณฑ์ดังกล่าวถือว่าสินค้านั้นมีความสามารถในการแข่งขันสูง จึงไม่จำเป็นต้องได้รับสิทธิฯ GSP ต่อไป และจะถูกตัดสิทธิฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนของปีถัดไป

เกณฑ์การขอผ่อนผันคืนสิทธิและไม่ให้ระงับสิทธิ GSP

สินค้าที่ถูกระงับสิทธิฯ GSP สามารถที่จะขอคืนสิทธิหรือผ่อนผันไม่ระงับสิทธิฯ ได้ 2 วิธี คือ
(1) ขอคืนสิทธิกรณี Redesignation สำหรับสินค้าที่ถูกระงับสิทธิ หากปีต่อมา มูลค่าการส่งออกต่ำกว่าระดับ CNLs ที่กำหนด (ซึ่งปี 2563 สหรัฐฯ กำหนดที่ 195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และส่วนแบ่งนำเข้าต่ำกว่าร้อยละ 50
(2) ขอผ่อนผันไม่ให้ระงับสิทธิกรณี De Minimis Waiver สำหรับสินค้าที่มีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป และมูลค่าการนำเข้าสหรัฐฯ ของสินค้าต้องต่ำกว่ามูลค่าขั้นต่ำที่สหรัฐฯกำหนด (De Minimis level) โดยในปี 2563 มีมูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (โดยให้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ) 

การทบทวนข้อยกเว้น Super CNL Waiver

สินค้าใดที่เคยได้รับยกเว้นเพดานการส่งออก (CNL Waiver) มาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี หรือนานกว่านี้ สินค้านั้นอาจถูกตัดสิทธิ GSP หากการส่งออกสินค้านั้นเข้าสหรัฐฯ เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้
(1) มีมูลค่านำเข้าเกินร้อยละ 150 (1.5 เท่า) ของระดับเพดาน CNL ที่สหรัฐฯ กำหนดในปีนั้น (ปี 2563 = (195 x 1.5) = 292.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) หรือ
(2) มีส่วนแบ่งการนำเข้าเกินร้อยละ 75 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้ารายการนั้นของสหรัฐฯ ทั้งนี้ อยู่ในดุลพินิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะผ่อนผันให้ได้รับสิทธิต่อไปอีกก็ได้

การยื่นขอใช้สิทธิ GSP

ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา ศุลกากรสหรัฐฯ ได้ยกเลิกการใช้หนังสือรับรอง Form A เป็นหลักฐานเพื่อขอใช้สิทธิ GSP โดยผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ดำเนินการยื่นขอใช้สิทธิ GSP และรับรองสินค้าด้วยตนเอง (self-certify)  โดยมีแนวปฏิบัติดังนี้ 
ผู้ส่งออก  จะต้องเก็บรักษาเอกสาร/ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตสินค้าเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี  โดยสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ในกรณีที่ศุลกากรสหรัฐฯ ร้องขอตรวจสอบผ่านผู้นำเข้าสหรัฐฯ ชี้แจงในแบบฟอร์ม GSP Declaration 
ผู้นำเข้า  เป็นผู้แสดงความจำนงนำเข้าสินค้าโดยขอใช้สิทธิ GSP และยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อศุลกากรสหรัฐฯ

Website แนะนำ

• โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา
https://ustr.gov/issue-areas/trade-development/preference-programs/generalized-system-preference-gsp
• รายชื่อประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ 
https://ustr.gov/sites/default/files/gsp/GSPGuidebookcountries.pdf
• The GSP Guidebook
https://ustr.gov/sites/default/files/gsp/GSPGuidebook_0.pdf
• รายการสินค้าและอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ 
http://www.usitc.gov/tata/hts/bychapter/index.htm
• สถิติการนำเข้า/ส่งออกของสหรัฐอเมริกา
http://www.dataweb.usitc.gov 
• ตรวจสอบอัตราภาษีนำเข้าปกติของสหรัฐฯและตรวจสอบการได้รับสิทธิ GSP (รายสินค้า)
https://hts.usitc.gov/

โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา

คู่มือระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐอเมริกา

รายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP (GSP-eligible for all beneficiary countries)

(คลิกรายละเอียด)

รายการสินค้าที่สหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิ GSP ที่ให้กับไทยจากกรณี Country practice (1) รายการสินค้าจำนวน 573 รายการ ที่สหรัฐฯ ระงับการให้สิทธิ GSP แก่ไทย (มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 เมษายน 2563)
(คลิกรายละเอียด)
(2) รายการสินค้า 231 รายการที่สหรัฐฯ ระงับการให้สิทธิ GSP แก่ไทย (มีผลบังคับใช้เมื่อ 30 ธันวาคม 2563)
(คลิกรายละเอียด)

รายการสินค้าที่ได้รับการผ่อนผันการระงับสิทธิ GSPตามกฎความจำเป็นว่าด้วยการแข่งขัน(CNL waivers)  (คลิกรายละเอียด)

 

กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า
กรกฎาคม 2564



โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา

 

การให้สิทธิ GSP

สหรัฐอเมริกาได้เริ่มโครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) แก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด รวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิฯ GSP สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ

ระยะเวลาของโครงการ

การให้สิทธิ GSP ของสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 3 โครงการ ดังนี้         
โครงการที่ 1 : วันที่ 1 มกราคม 2519 – วันที่ 3 มกราคม 2528
โครงการที่ 2 : วันที่ 4 มกราคม 2528 – วันที่ 30 กรกฎาคม 2538
โครงการที่ 3 : วันที่ 31 กรกฎาคม 2538 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2540 (ครั้งที่ 1)  ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ต่ออายุโครงการที่ 3 มาแล้วทั้งหมด 10 ครั้ง โดยต่ออายุโครงการฯ ครั้งที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2563 (ครั้งที่ 10)
สถานะล่าสุด : ขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างดำเนินขั้นตอนเพื่อต่ออายุโครงการฯ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP จะต้องชำระภาษีในอัตรา MFN ปกติ อย่างไรก็ตาม ในการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ ผู้นำเข้าจะต้องกรอก Special program indicator (SPI) for GSP (A) เมื่อนำเข้าสินค้าเข้าสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถรับคืนภาษี หากสหรัฐฯ ประกาศต่ออายุโครงการฯ และให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่โครงการสิ้นสุดอายุ

ขอบเขตของสินค้าภายใต้สิทธิ GSP

สหรัฐฯ ให้สิทธิฯ GSP กับสินค้าประมาณ 3,500 รายการที่ปกติจะต้องชำระภาษีนำเข้าในอัตราปกติ (MFN rate) ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร สินค้าประมง รวมถึงสินค้าที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตขั้นแรกของอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมีประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาน้อยที่สุดที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 119 ประเทศ (อินเดียและตุรกีโดนตัดสิทธิ GSP เมื่อปี 2562)

คุณสมบัติของประเทศที่อยู่ในข่ายได้รับสิทธิ GSP

(1) ระดับการพัฒนาประเทศ -  โดยพิจารณาจากปัจจัยด้าน GNI per capita ของ World Bank โดย ปี 2562 กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 12,535 เหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2563) ระดับคุณภาพชีวิตของประชากร รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ เป็นต้น 
(2) การเปิดตลาดสินค้าและบริการ - ต้องมีการเปิดตลาดสินค้าและบริการอย่างสมเหตุผล
(3) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา - ต้องมีระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
(4) การคุ้มครองสิทธิแรงงาน: ต้องมีการคุ้มครองสิทธิแรงงานในระดับที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล  
(5) การกำหนดนโยบายลงทุนที่ชัดเจน และลดข้อจำกัดทางการค้า
(6) ให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ในการต่อต้านการก่อการร้าย

สินค้าที่มีคุณสมบัติอยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิ GSP

(1) ต้องเป็นสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ
(2) ต้องเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ
(3) ต้องเป็นสินค้าที่นำเข้าโดยตรงจากประเทศประเทศผู้รับสิทธิ
(4) สินค้าดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) ที่สหรัฐฯ กำหนด
(5) ผู้นำเข้าต้องแสดงความจำนงในการนำเข้าภายใต้โครงการ GSP ต่อศุลกากรสหรัฐฯ เพื่อขอรับการยกเว้นภาษีนำเข้า

กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin)

(1) สินค้านั้นจะต้องผลิตขึ้นโดยใช้วัตถุดิบในประเทศผู้รับสิทธิทั้งหมด (Wholly product) หรือกรณีที่มีวัตถุดิบหรือส่วนประกอบนำเข้าจากต่างประเทศ (Non-wholly product) สินค้านั้นจะต้องได้รับการแปรสภาพในประเทศกำลังพัฒนานั้นอย่างเพียงพอจนกลายเป็นสินค้าที่แตกต่างจากสภาพเดิม โดยนำวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศรวมกับต้นทุนการผลิตทางตรงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 35 ของราคาสินค้าหน้าโรงงาน (Ex-factory price) หรือราคาประเมิน (Appraised value) ของสินค้านั้นในสหรัฐฯ
สูตรคำนวณ มูลค่าวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ + ต้นทุนการผลิตทางตรง ≥ ร้อยละ 35
                               ราคาสินค้าหน้าโรงงาน หรือราคาประเมิน
(2) สินค้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สามารถผลิตโดยใช้กฎถิ่นกำเนิดแบบสะสม (Cumulative rules of origin) โดยสามารถนำวัตถุดิบที่มีถิ่นกำเนิดจากอีกประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP มาสะสม โดยให้ถือเสมือนว่าเป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเดียวกัน ทั้งนี้ ประเทศผู้ผลิตและประเทศเจ้าของวัตถุดิบจะต้องเป็นภาคีสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเดียวกันและเป็นประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ  ซึ่งในกรณีของไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน จึงสามารถใช้วัตถุดิบร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับสิทธิ GSP ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา โดยวัตถุดิบที่นำเข้าภายใต้กฎถิ่นกำเนิดแบบสะสมจะต้องมีอัตราส่วนต้นทุนในประเทศภาคีสมาชิกไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ของราคาสินค้าหน้าโรงงานหรือราคาประเมินของสินค้านั้น 

มาตรการระงับสิทธิ GSP

ระบบ GSP สหรัฐฯ แบ่งการระงับสิทธิ GSP เป็น 2 ประเภท คือ
 (1) การระงับสิทธิ GSP รายสินค้า (Product review) - ใช้กฎว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน (Competitive Need Limit: CNLs) เป็นเกณฑ์
 (2) การระงับสิทธิ GSP รายประเทศ (Country practice review) - พิจารณาจากเงื่อนไขคุณสมบัติการได้รับสิทธิ

เกณฑ์การระงับสิทธิ GSP

(รายสินค้า)

สินค้าจากประเทศผู้รับสิทธิฯ GSP จะถูกระงับสิทธิฯ เป็นการชั่วคราวเมื่อการนำเข้าสหรัฐฯ สูงเกินเพดานที่กำหนดภายใต้กฎว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน (CNLs) กล่าวคือ สินค้าของประเทศใดจะถูกระงับสิทธิฯ GSP หากปรากฏว่ามูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ในปีปฏิทินที่ผ่านมาสูงเกินเพดานที่กำหนดไว้ คือ 
         -มีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป หรือ
         -มีมูลค่านำเข้าสหรัฐฯ เกินมูลค่าขั้นสูงที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี (ในปี 2563 = 195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยให้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
         ทั้งนี้  หากมีการนำเข้าสินค้าเกินเกณฑ์ดังกล่าวถือว่าสินค้านั้นมีความสามารถในการแข่งขันสูง จึงไม่จำเป็นต้องได้รับสิทธิฯ GSP ต่อไป และจะถูกตัดสิทธิฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนของปีถัดไป

เกณฑ์การขอผ่อนผันคืนสิทธิและไม่ให้ระงับสิทธิ GSP

สินค้าที่ถูกระงับสิทธิฯ GSP สามารถที่จะขอคืนสิทธิหรือผ่อนผันไม่ระงับสิทธิฯ ได้ 2 วิธี คือ
(1) ขอคืนสิทธิกรณี Redesignation สำหรับสินค้าที่ถูกระงับสิทธิ หากปีต่อมา มูลค่าการส่งออกต่ำกว่าระดับ CNLs ที่กำหนด (ซึ่งปี 2563 สหรัฐฯ กำหนดที่ 195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และส่วนแบ่งนำเข้าต่ำกว่าร้อยละ 50
(2) ขอผ่อนผันไม่ให้ระงับสิทธิกรณี De Minimis Waiver สำหรับสินค้าที่มีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป และมูลค่าการนำเข้าสหรัฐฯ ของสินค้าต้องต่ำกว่ามูลค่าขั้นต่ำที่สหรัฐฯกำหนด (De Minimis level) โดยในปี 2563 มีมูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (โดยให้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ) 

การทบทวนข้อยกเว้น Super CNL Waiver

สินค้าใดที่เคยได้รับยกเว้นเพดานการส่งออก (CNL Waiver) มาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี หรือนานกว่านี้ สินค้านั้นอาจถูกตัดสิทธิ GSP หากการส่งออกสินค้านั้นเข้าสหรัฐฯ เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้
(1) มีมูลค่านำเข้าเกินร้อยละ 150 (1.5 เท่า) ของระดับเพดาน CNL ที่สหรัฐฯ กำหนดในปีนั้น (ปี 2563 = (195 x 1.5) = 292.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) หรือ
(2) มีส่วนแบ่งการนำเข้าเกินร้อยละ 75 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้ารายการนั้นของสหรัฐฯ ทั้งนี้ อยู่ในดุลพินิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะผ่อนผันให้ได้รับสิทธิต่อไปอีกก็ได้

การยื่นขอใช้สิทธิ GSP

ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา ศุลกากรสหรัฐฯ ได้ยกเลิกการใช้หนังสือรับรอง Form A เป็นหลักฐานเพื่อขอใช้สิทธิ GSP โดยผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ดำเนินการยื่นขอใช้สิทธิ GSP และรับรองสินค้าด้วยตนเอง (self-certify)  โดยมีแนวปฏิบัติดังนี้ 
ผู้ส่งออก  จะต้องเก็บรักษาเอกสาร/ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตสินค้าเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี  โดยสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ในกรณีที่ศุลกากรสหรัฐฯ ร้องขอตรวจสอบผ่านผู้นำเข้าสหรัฐฯ ชี้แจงในแบบฟอร์ม GSP Declaration 
ผู้นำเข้า  เป็นผู้แสดงความจำนงนำเข้าสินค้าโดยขอใช้สิทธิ GSP และยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อศุลกากรสหรัฐฯ

Website แนะนำ

• โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา
https://ustr.gov/issue-areas/trade-development/preference-programs/generalized-system-preference-gsp
• รายชื่อประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ 
https://ustr.gov/sites/default/files/gsp/GSPGuidebookcountries.pdf
• The GSP Guidebook
https://ustr.gov/sites/default/files/gsp/GSPGuidebook_0.pdf
• รายการสินค้าและอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ 
http://www.usitc.gov/tata/hts/bychapter/index.htm
• สถิติการนำเข้า/ส่งออกของสหรัฐอเมริกา
http://www.dataweb.usitc.gov 
• ตรวจสอบอัตราภาษีนำเข้าปกติของสหรัฐฯและตรวจสอบการได้รับสิทธิ GSP (รายสินค้า)
https://hts.usitc.gov/

โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา

คู่มือระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐอเมริกา

รายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP (GSP-eligible for all beneficiary countries)

(คลิกรายละเอียด)

รายการสินค้าที่สหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิ GSP ที่ให้กับไทยจากกรณี Country practice (1) รายการสินค้าจำนวน 573 รายการ ที่สหรัฐฯ ระงับการให้สิทธิ GSP แก่ไทย (มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 เมษายน 2563)
(คลิกรายละเอียด)
(2) รายการสินค้า 231 รายการที่สหรัฐฯ ระงับการให้สิทธิ GSP แก่ไทย (มีผลบังคับใช้เมื่อ 30 ธันวาคม 2563)
(คลิกรายละเอียด)

รายการสินค้าที่ได้รับการผ่อนผันการระงับสิทธิ GSPตามกฎความจำเป็นว่าด้วยการแข่งขัน(CNL waivers)  (คลิกรายละเอียด)

 

กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า
กรกฎาคม 2564